ดัชนี Bollinger
ดัชนี Bollinger เป็นดัชนีที่ใช้วัดความผันผวนของตลาด ซึ่งช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าราคาอยู่สูงหรือต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุด และคาดการณ์ว่าราคาจะตกลงหรือลงไปยังระดับนั้นเมื่อใด ซึ่งจะช่วยให้คุณระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อขายได้
การแสดงตลาดซื้อขาย
ดัชนี Bollinger แสดงตลาดซื้อขายในรูปแบบของสามเส้นหลัก เส้นกลางแสดงถึงค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่าย ๆ ของราคา ขณะที่เส้นบนและล่างแสดงถึงระดับสูงหรือต่ำของราคาเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุด
การทำงานของ Bollinger Bands
ตราสัญลักษณ์ในภาพด้านล่างแสดงถึงรูปแบบของ Bollinger Bands โดยทั่วไปแล้วการเคลื่อนไหวของราคาอยู่ภายในสามเส้นนี้ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถใช้ในการคาดการณ์การกลับตัวของตลาดได้
การซื้อขายเมื่อราคาสูง
เมื่อราคาถึงเส้นด้านบน เปอร์เซ็นต์การซื้อขายของสินทรัพย์ในขณะนั้นจะถือว่าสูง จึงอาจพิจารณาขายสินทรัพย์เนื่องจากคาดว่าราคาจะปรับตัวลงมาทางค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กลาง
การขายเมื่อราคาต่ำ
เมื่อราคากลับไปใกล้เส้นล่าง จะถือว่าราคาในขณะนั้นค่อนข้างต่ำ คุณอาจพิจารณาซื้อสินทรัพย์เนื่องจากคาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้นไปยังค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กลาง แต่ต้องระวังไว้ เนื่องจากราคาที่ไปถึงเส้นล่างหรือล่างอาจไม่หมายความว่าราคาจะกลับตัว
การวัดความผันผวนของตลาด
Bollinger Bands ยังสามารถใช้ในการวัดความผันผวนของตลาดตามระยะห่างระหว่างเส้นบนและเส้นล่าง หากระยะห่างมากแสดงว่าความผันผวนสูง และถ้าระยะห่างน้อยแสดงว่าความผันผวนต่ำ
ปรับตั้งค่า Bollinger Bands
ดัชนี Bollinger มีการตั้งค่าที่แตกต่างกันสองอย่างที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นั่นคือ จำนวนช่วงเวลาและความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
การเปลี่ยนจำนวนช่วงเวลา
การตั้งค่าเริ่มแรกของ Bollinger Bands คือ 20 ช่วงเวลา ซึ่งหมายถึงระยะเวลาที่ใช้ในการคำนวณการเคลื่อนไหวของราคา การใช้จำนวนช่วงเวลาน้อยจะทำให้การตอบสนองเพิ่มขึ้นทำให้เส้นขึ้นลงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีสัญญาณการซื้อขายมากขึ้นก็สามารถนำไปสู่สัญญาณการซื้อขายที่ผิดพลาดได้มากขึ้นเช่นกัน
การเปลี่ยนความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ความเบี่ยงเบนมาตรฐานมาตรฐานของ Bollinger ตั้งไว้ที่ 2 เมื่อเพิ่มค่านี้ ระยะห่างระหว่างเส้นกลางกับเส้นด้านนอกจะเพิ่มขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้รวมการเคลื่อนไหวของราคามากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากตั้งความเบี่ยงเบนมาตรฐานไว้ที่ 1 จะมีการรวม 68% ของการเคลื่อนไหวของราคาในขณะที่ตั้งไว้ที่ 2 จะรวม 95%
สรุป
1. Bollinger Bands เป็นดัชนีที่ใช้วัดความผันผวนของราคา
2. ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับระดับราคาที่สูงหรือต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุด
3. ราคาเมื่อถึงเส้นด้านบนถือว่าเป็นเวลาซื้อขาย
4. ราคาเมื่อถึงเส้นด้านล่างถือว่าเป็นเวลาขาย
5. ระยะห่างระหว่างเส้นบ่งบอกถึงความผันผวนของราคา
6. การเพิ่มจำนวนช่วงเวลาทำให้ Bollinger Bands มีความเรียบง่ายขึ้น แต่ลดความถี่สัญญาณการซื้อขาย
7. การเพิ่มความเบี่ยงเบนมาตรฐานจะทำให้การส่งสัญญาณลดลงในขณะที่การลดความเบี่ยงเบนจะเพิ่มความถี่ในการปั่นราคาตามสัญญาณ
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น